หมายเลขส่งของที่เราจะได้รับจากบริษัทที่เราส่งของให้เรา ไม่ว่าจะเป็น ไปรษณีย์ไทย, FedEX หรือ DHL ซึ่งหลังจากที่เราได้ทำการจัดส่งสินค้าไปเรียบร้อยแล้ว กับ การจัดการคำสั่งซื้อ ตอนที่ 2 การส่งของ เราก็ต้องกลับมาแจ้ง Tracking ให้กับทาง Amazon ทราบ เพื่อที่ Amazon จะแจ้งต่อไปยังลูกค้าที่ซื้อสินค้าจากเรา ระยะเวลาที่เราใช้ตั้งแต่รับคำสั่งซื้อจนกระทั่งจัดส่ง ต้องไม่เกินระยะเวลาที่เราระบุไว้ใน Handling Time ( เราระบุตอนลงสินค้าใน Inventory )
แต่สำหรับใครที่ใช้วิธีการ Dropship สินค้า ก็สามารถทำแบบเดียวกันนี้ บางแห่งจะแจ้งหมายเลขส่งของให้เราเลย แต่บางที่อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมหากเราต้องการหมายเลข
แจ้ง Tracking ID ให้ Amazon ทราบ
ให้เรากลับไปที่หน้า Order Details แล้วกดปุ่ม Confirm Shipment ที่อยู่ด้านล่าง เพื่อเข้าสู่กระบวนการกรอกรายละเอียด
ที่ Shipping Details จะเห็นช่องที่เราต้องกรอกข้อมูลต่างๆ ลงไป จากนั้นใส่รายละเอียดตามนี้เลยครับ
- Ship Date : วันที่เราทำการจัดส่งสินค้า
- Shipping Method : เลือกรูปแบบการจัดส่งที่เราส่งไป ถ้าไม่มีให้เลือก Other แล้วกรอกรูปแบบการส่งเอง
- Tracking ID : ให้กรอกหมายเลขส่งของที่ได้รับจากการส่งไปรษณีย์ (สำคัญ)
- Confirm Shipment : กดปุ่มนี้ เป็นการยืนยันการส่งสินค้า และเสร็จสิ้นสำหรับคำสั่งซื้อนี้
ก็จะขึ้นข้อความแจ้งเตือน Shipment Confirmed แบบนี้ ก็เป็นอันเสร็จสิ้นการจัดส่งสินค้าเรียบร้อย เมื่อคุณยืนยันการจัดส่งเรียบร้อย ทาง Amazon จะยืนยันการจัดส่งให้แก่ผู้ซื้อผ่านทาง E-mail และดำเนินการปรับปรุงข้อมูลการจัดส่งในบัญชีของผู้ซื้อ เพื่อให้ผู้ซื้อสามารถติดตามสถานะของการสั่งซื้อ การจัดส่งของพวกเขาได้ ซึ่งจะส่งผลต่อความพึงพอใจของผู้ซื้อว่าจะดีขึ้นและลดลง
จากนั้นเงินค่าสินค้าก็จะเด้งเข้ามาอยู่ใน Payment ของเราทันที ซึ่งรายได้ที่เราจะเบิกได้นี้ ก็ต้องรอครบรอบเสียก่อน จึงจะได้รับเงินโอนเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพที่เราให้ข้อมูลไว้ ซึ่งจะมีค่าธรรมเนียมการรับเงินเป็นจำนวนต่างกันไปขึ้นอยู่กับรายได้ของเราครับ