สมัคร Amazon Seller ใน 4 ขั้นตอน
สิ่งที่ต้องใช้ในการ สมัคร Amazon Seller
- บัญชีธนาคารกรุงเทพ สำหรับใช้รับเงินจาก Amazon ผ่านทางธนาคารกรุงเทพสาขานิวยอร์ค เสียค่าธรรมเนียมในการรับเงินไม่เกิน 200 บาทต่อครั้ง
- บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ที่สามารถใช้ทำธุรกรรมออนไลน์ในต่างประเทศได้ แนะนำ Be-Firstของธนาคารกรุงเทพ และ K-Debit ของธนาคารกสิกรไทย สำหรับการตัดเงินค่าธรรมเนียม และจ่ายเงินคืนลูกค้ากรณีที่มีลูกค้าขอคืนเงิน
- เบอร์โทรศัพท์พร้อมใช้ สำหรับการยืนยันตัวตนผ่านทางโทรศัพท์
การสมัครเป็นผู้ขายกับ Amazon ของทั้ง 2 Plan นั้น รายละเอียดจะไม่ต่างกัน แต่ในที่นี้ผมขอยกตัวอย่างการสมัครแบบ Individual Plan เพื่อให้นักขายมือใหม่ได้มีโอกาสทดลองใช้ระบบการขายในขั้นต้นก่อน
ให้ไปที่ http://services.amazon.com/selling/benefits.htm/ref=asus_soa_fnav
ขั้นตอนที่ 2 Charge Method – ใส่ข้อมูลการเงิน (พร้อมให้ Amazon หักเงินค่าใช้จ่ายต่างๆ)
ขั้นตอนนี้จะกดข้ามก็ได้ แต่สุดท้ายก็ต้องมาใส่ภายหลังอยู่ดี ไม่อย่างนั้นจะเริ่มการขายสินค้าไม่ได้ ตรงนี้จำเป็นต้องใส่ข้อมูลบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิตอย่างที่กล่าวไว้ในข้างต้น เมื่อใส่แล้วทาง Amazon จะทำการทดสอบการหักเงินเพื่อตรวจสอบว่าเป็นบัตรที่ยังใช้การได้อยู่หรือไม่ โดยจะหักไปประมาณ $1-2 แล้วจะส่งเงินคืนเข้าบัญชีในภายหลัง
ขั้นตอนที่ 3 Seller Information รายละเอียดของผู้ขาย
เป็นการใส่ชื่อ ที่อยู่ของเราเพื่อใช้ในการติดต่อทางธุรกิจและแสดงผลในหน้า About Seller ของ Amazon ในช่อง Display name จะเป็นชื่อที่แสดงไปบนหน้าสินค้า สามารถใช้ชื่อเราเองก็ได้ เห็นได้บ่อยๆ ครับสำหรับผู้ขายที่มาจากประเทศไทย แต่จะให้ดีควรตั้งเป็นชื่อร้านค้าจะดูดีในสายตาลูกค้ากว่ามากครับ แล้วก็ที่อยู่จะใช้ที่บ้าน ที่ทำงานก็แล้วแต่ครับใช้ได้ทั้งหมด
ขั้นตอนที่ 4 Identity Verification ยืนยันตัวตนด้วยโทรศัพท์
ขั้นตอนสุดท้ายจะเป็นการยืนยันกับทาง Amazon ว่าเรามีตัวตนอยู่จริงด้วยเบอร์โทรศัพท์ ซึ่งสามารถทำได้ 2 วิธีนั่นคือ
- Call me ถ้าเลือกตัวเลือกนี้ทาง Amazon จะโทรเข้ามาแจ้งรหัสยืนยันกับเรา (เป็นภาษาอังกฤษ) โดยหน้าจอจะขึ้นตัวเลข 4 ตัว ให้เรากดตัวเลขทั้ง 4 ตัวยืนยันผ่านโทรศัพท์ ก็เสร็จแล้ว
- Send me a text message ส่งข้อความยืนยันมาให้ฉัน ทาง Amazon จะส่งตัวเลขยืนยัน 4 ตัวมาให้เราทาง SMS จากนั้นก็นำตัวเลขทั้ง 4 มากรอกที่หน้าเว็บก็ถือเป็นอันเสร็จ
